Sornsilp Maneewan, Nong Manow , น้องมะนาว,กำลังใจ แด่เธอ

ม้า มืด ''น้องมะมาว-ศรศิลป์'' ตื่นลืมตาสดใสรับวันใหม่โซ้ย เกาเหลา ไข่ดาว ฮอตดอก เนื้อปลาเป็นอาหารมื้อแรกฉลองตำแหน่ง รับดีใจสุดชีวิตหลังพิชิตมงกุฎมิสทีนไทยแลนด์ 2008 เชื่อเวทีนี้ไม่มีเส้นสายจริงพร้อมวาดฝันเป็นดาราตามรอยรุ่นพี่ แบ่งเงินรางวัลให้พ่อแม่แล้วเก็บไว้เป็นทุนการศึกษา

ยัง เต็มเป็นไปด้วยรอยยิ้มที่แฝงด้วยความดีใจ สำหรับ 5 สาว ผู้รับตําแหน่งมิสทีนไทยแลนด์ และรองมิสทีนฯหลังจากที่บริษัท อินสไพร์ เอนเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด ได้จัดให้มีการประกวดขึ้นเมื่อวันที่ 31 ต.ค. ที่ผ่านมา ณ ห้องบางกอกคอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ โดยสาวงามวัยใสทั้ง 5 คนยังคงนอนพักที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ เพราะเนื่องจากต้องให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ซึ่ง ''น้องมะนาว'' ศรศิลป์ มณีวรรณ์ มิสทีนไทยแลนด์ 2008 นั้นอายุ 16 ปี น.น. 47 กก. สูง 167 ซม. กำลังศึกษาระดับชั้น ม.5 ร.ร.สงวนหญิง จาก จ.สุพรรณบุรี พร้อมด้วย ''น้องดรีม'' ฐานิต ธนะโสภณ รองอันดับ 1 และขวัญใจช่างภาพสื่อมวลชน อายุ 15 ปี น.น.53 กก. สูง 167 ซม. ชั้นม.3 จากโรงเรียนโกวิทธำรงเชียงใหม่

ส่วน รองอันดับ 2 ทั้ง 3 คนได้แก่ ''น้องมดส้ม-ณัฐวรรณธร'' อายุ 16 ปี จากโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จ.เชียงใหม่, น้องจาด้า อินโตเร่ น.น. 52 กก. สูง 165 ซม. อายุ 15 ปีกำลังศึกษาในระดับชั้น ม.4 ร.ร.สาธิตพิบูลย์บำเพ็ญ, ''น้องลูกตาล'' ทิพย์รัตน์ อมาตยกุล อายุ 15 ปี น.น.47 กก. สูง 167 ซม. กำลังศึกษา ม.3 ที่โรงเรียนมัธยมสังคีตวิทยา ซึ่งแต่ละคนได้ตื่นเช้ามาพร้อมหน้าพร้อมตาด้วยใบหน้าสดใส เพื่อรับประทานอาหารเช้า ที่ห้องอาหารบริเวณชั้น 1 ภายในโรงแรมเซ็นทารา เมื่อเวลา 10.00 น. ของวันที่ 1 พ.ย. พร้อมกับติดตามอ่านหนังสือพิมพ์แต่ละเล่ม เพื่อชมภาพและข่าวผลการประกวดของหนังสือพิมพ์รายวันแต่ละเล่มที่พร้อมใจลง ข่าวการประกวดอย่างพร้อมเพรียง

จากนั้น สาวสวยทั้ง 5 คนได้รับประทานอาหารเช้า โดยน้องมะนาว มิสทีนไทยแลนด์ 2008 ได้ทานอาหารเช้าเป็นอาหารมื้อแรกฉลองตำแหน่งมิสทีนไทยแลนด์ 2008 ทั้ง ไข่ดาว, เกาเหลา, ฮอตดอก, เนื้อปลา และน้ำแตงโม เรียกว่าเลือกอาหารสุดโปรดของตัวเองแทบทั้งสิ้น หลังจากที่ไม่ได้รับประทานอาหารตามใจปากมานาน ส่วนทางด้านน้องดรีม รองอันดับ 1 นั้นได้ทานฮอตดอก เบคอน ขนมปังและนํ้าส้ม ส่วนรองอันดับ 2 น้องจาด้า, น้องลูกตาลและน้องมดส้มนั้น เลือกทานอาหารเช้ากับเมนูฮอตฮิตกันทั้งนั้น เบคอน, ฮอตดอก, นํ้าผลไม้ และปิดท้ายด้วย ผลไม้สดๆ ที่สาวๆ ทั้ง 5 คนแบ่งกันกินอย่างทั่วถึง

จาก นั้นน้องมะนาวก็ได้เปิดใจให้สัมภาษณ์หลังจากที่ได้รับตำแหน่งมิสทีนไทยแลนด์ ว่า รู้สึกตื่นเต้นดีใจมาก ช่วงที่ตอบคำถามของสื่อนั้นเริ่มรู้สึกมึนไม่รู้ว่าตอบอะไรไปบ้าง เหมือนไม่รู้สึกตัวเพราะมีแต่ความตื่นเต้นแทน และเมื่อเข้านอนก็มีเมสเซจแสดงความดีใจจากเพื่อนๆ และสายที่โทร.เข้ามากว่า 20 สายแต่ไม่ได้รับและตอบกลับ

''คือใครๆ ก็มองว่ามะนาวเป็นม้ามืด เพราะวันรอบสื่อมวลชน มะนาวไม่ได้รางวัลอะไรเลย ตอนแรกก็ไม่คิดว่าจะได้รางวัลแล้ว ตอนที่เข้ามาประกวดแม่ก็จะอวยพรแต่ว่า แสนสองนะลูก คือแม่อยากให้ได้แต่วันรอบสื่อหนูก็โทร.ไปบอกแม่ว่าคงไม่ได้รางวัลอะไรแล้ว ล่ะ 15 คนก็ไม่ได้หรอกเพราะมีแต่คนสวยๆ เส้นสายก็มีเยอะ แม่ก็บอกว่าไม่ได้ไม่เป็นไรให้ทำดีที่สุด เพราะเข้ารอบ 50 คนสุดท้ายจากคนเกือบสองพันนี่ก็เก่งแล้ว แต่น้าสาว ที่สนับสนุนให้เรามาประกวด กลับไปบ้านก็แอบเครียดแทน ที่มะนาวไม่ได้รางวัลอะไรเลย แต่มาได้ตำแหน่งมิสทีนไทยแลนด์ นี่สุดๆ ไปเลย ไม่คิดว่าเราจะมีโอกาสได้ตรงนี้''

นอกจาก นั้นน้องมะนาวยังบอกด้วยว่า วันที่ประกวดคุณพ่อคุณแม่และน้า ยกครอบครัวมาเชียร์ ''ที่บ้านมะนาว แม่เปิดโรงเรียนอนุบาลเล็กๆ ที่สุพรรณบุรี ส่วนคุณพ่อเคยเป็นทหารอากาศแล้วก็ลาออกมาเพราะเป็นโรคความดันสูงจะเครียด ตลอด เลยลาออกมา พ่อมะนาวอายุ 56-57 แล้วค่ะ ที่บ้านคุณย่าจะทำไร่ทำสวนเล็กๆ น้อยๆ มะนาวไม่ค่อยได้ช่วยแต่จะช่วยแม่ที่โรงเรียนมากกว่า เด็กๆ ที่มาเรียนแค่ 80 คนเองเป็นเด็กในละแวกใกล้บ้านค่ะ''

ส่วนชีวิตในรั้ว โรงเรียนสงวนหญิง อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี น้องมะนาวเป็นถึงหัวหน้าห้องติดต่อมา 3 ปีแล้ว ''มะนาวจะเป็นหัวหน้าห้องแบบเปิ่นๆ ติงต๊องมากกว่าค่ะ จะคอยบอกทำความเคารพอาจารย์แล้วก็ประสานงานระหว่างเพื่อนในห้องและที่ โรงเรียนว่าต้องทำอะไรยังไงบ้าง มีกิจกรรมอะไร มะนาวไม่ดุ แต่ก็จะไม่เรียบร้อย ออกแนวแก่นๆ ห้าวนิดๆ แต่จะยิ้มเก่งเพื่อนจะมองว่ามะนาวโก๊ะๆ พูดไม่ค่อยรู้เรื่องก็จะคอยขำเวลาที่มะนาวพูดจบอยู่ตลอด ที่โรงเรียน มะนาวเคยเป็นนักกีฬาเปตอง เคยได้แชมป์ของจังหวัดมาแล้ว แต่ไม่ได้เล่นมานานเพราะตอนหลังหันไปเล่น แบดมินตันแทนค่ะ แต่ก็ว่าจะไปเรียนเพิ่มเติม อยากเล่นดนตรีกีตาร์เป็นได้เงินรางวัลมามะนาวก็จะไปซื้อ กีตาร์โปร่งนี่แหละเป็นของขวัญให้ตัวเอง ตอนนี้ก็แอบฝึกจับคอร์ดไปก่อนค่ะ'' มะนาวเล่าอย่างอารมณ์ดี

อย่าง ไรก็ตามหลังจากที่ได้รับตำแหน่งมิสทีนไทยแลนด์ น้องมะนาวว่าต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองหลายอย่าง ''แต่ก่อนมะนาวจะแต่งตัวแต่งหน้าไปโรงเรียนก็แค่ ทาแป้ง ลิปมัน ก็พอแล้ว แต่คราวนี้มาประกวดมิสทีนฯ เขาสอนแต่งหน้าหนูก็เลยต้องแต่งหน้าแต่งตาบ้าง ไม่งั้นก็คงดูโทรมเสียภาพพจน์มิสทีนไทยแลนด์เขาอีก อย่างน้อยก็ต้องระมัดระวังตัวมากขึ้นค่ะ และก็คงไม่กระเปิบกระปาบ กระโดกกระเดกมากเหมือนก่อน ส่วนเงินรางวัลที่ได้ก็จะแบ่งให้พ่อกับแม่แล้วเก็บไว้เป็นทุนการศึกษาของตัว เองด้วยค่ะ''

นอกจากนี้ หลังจากที่ได้ตำแหน่ง น้องมะนาววาดฝันไว้ว่า อยากเป็นดารานักแสดงเหมือนมิสทีนฯ รุ่นพี่ ไม่ว่า ''เชียร์-ฑิฆัมพร'', ''เกรซ-กาญจน์เกล้า'' ฯลฯ

''หนูอยาก เล่นละครค่ะแต่ติดที่หนูยังแอ็กติ้งไม่เก่ง แค่เวลาเล่าเรื่องราวอะไรให้เพื่อนฟัง ยังเล่าไม่รู้เรื่องเลยเพื่อนก็บอก แต่ถ้าจะให้หนู่ไปเล่นบทเรียบร้อยอย่างใส่ชฎา ใส่ผ้าถุงเป็นหญิงไทยนี่คงขัดตัวจริงกับบุคลิกหนูมากๆอย่างถ้าหนูได้เล่นบท แก่นๆ หรือบทบู๊ๆ ก็น่าจะเหมาะตัวหนูมากกว่าค่ะ ซึ่งถ้าเรียนจบ ม.6 ที่จ.สุพรรณบุรีแล้วก็คงเข้ามาเรียนในระดับปริญญาตรีทางด้านศิลปกรรมศาสตาร์ ที่กทม.ค่ะ'' น้องมะนาวกล่าวในที่สุด

ที่มาจากหนังสือพิมพ์
http://www.siamdara.com